อุทาหรณ์ สามีภรรยาป่วย “สโตรก” พร้อมกัน หมอเตือน 3 อาหารแช่ตู้เย็นไว้นาน เสี่ยงลิ่มเลือดอุดตัน
โรคหลอดเลือดสมอง หรือ “สโตรก” (Stroke) มักถูกมองว่าเป็นเรื่องของโชคชะตาหรือพันธุกรรม แต่แท้จริงแล้วพฤติกรรมการกินมีส่วนสำคัญอย่างมาก ล่าสุดมีกรณีศึกษาที่น่าตกใจ เมื่อคู่สามีภรรยาอายุไม่ถึง 60 ปี ตรวจพบว่าเป็นโรคหลอดเลือดสมองพร้อมกัน ทั้งที่ไม่ได้สูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจึงได้ชี้เป้าไปที่ “ตู้เย็น” และพฤติกรรมการกินอาหารเหลือที่หลายคนมองข้าม
ตู้เย็นไม่ใช่ตู้เซฟ เก็บอาหารผิดวิธีทำร้ายหลอดเลือด
นพ.จาง สยง (Zhang Xiong) แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทวิทยา เปิดเผยว่า แม้ตู้เย็นจะช่วยยืดอายุอาหาร แต่ไม่ได้หยุดยั้งการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเคมีของอาหารได้ หากเก็บไว้นานเกินไป อาหารบางชนิดจะเปลี่ยนสภาพเป็น “ยาพิษ” ที่ค่อยๆ ทำลายหลอดเลือดโดยที่เราไม่รู้ตัว และนี่คือ 3 อาหารอันตรายที่ไม่ควรเสียดาย “ทิ้งได้ให้ทิ้งทันที”
1. เนื้อสัตว์ที่ปรุงสุกและอุ่นซ้ำหลายรอบ
หลายบ้านมักเก็บเมนูเนื้อสัตว์ที่กินไม่หมด เช่น ไส้กรอกทอด พะโล้ หรือหมูตุ๋น ไว้ในตู้เย็นเพื่อนำมาอุ่นกินในมื้อถัดไป แม้รสชาติจะยังดีอยู่ แต่การอุ่นร้อนซ้ำๆ จะทำให้ไขมันสัตว์เกิดปฏิกิริยาออกซิเดชัน เปลี่ยนเป็น “ลิพิดเปอร์ออกไซด์” (Lipid Peroxide) สารนี้เมื่อเข้าสู่กระแสเลือดจะจับตัวกับไขมันเลว ก่อให้เกิดคราบตะกรันในหลอดเลือด นำไปสู่การเกิดลิ่มเลือดอุดตันในที่สุด
2. ผักใบเขียวปรุงสุกที่ค้างคืน
ผักใบเขียวอย่าง ผักโขม หรือขึ้นฉ่าย เมื่อผ่านการปรุงสุกและแช่เย็นข้ามคืน จะเกิดการสะสมของสาร “ไนไตรต์” (Nitrite) เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว สารนี้ไม่ได้เสี่ยงแค่มะเร็งเท่านั้น แต่ยังมีผลต่อฮีโมโกลบินในเลือด ทำให้การลำเลียงออกซิเจนลดลง ส่งผลให้เลือดหนืดข้นและเสี่ยงต่อการเกิดภาวะขาดออกซิเจน ซึ่งเป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดลิ่มเลือดได้ง่ายขึ้น
3. อาหารจำพวกแป้งที่แช่เย็นเกิน 3 วัน
เมนูแป้ง เช่น ข้าวสวย ซาลาเปา หรือหมั่นโถว หากเก็บในตู้เย็นนานเกิน 3 วัน เสี่ยงต่อการปนเปื้อนของเชื้อราและสาร “อะฟลาทอกซิน” (Aflatoxin) แม้จะมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่สารพิษนี้มีฤทธิ์ทำลายเซลล์เยื่อบุผนังหลอดเลือดอย่างช้าๆ เมื่อสะสมนานวันเข้าจะทำให้หลอดเลือดอักเสบและเปราะบาง เพิ่มความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง
ทำไมถึงป่วยพร้อมกันทั้งสามีภรรยา?
แพทย์ระบุว่าโรคนี้เปรียบเสมือน “โรคติดต่อทางไลฟ์สไตล์” คู่สามีภรรยามักทานอาหารหม้อเดียวกัน มีนิสัยความเสียดายของเหมือนกัน และกินอาหารค้างคืนซ้ำๆ เหมือนกัน ทำให้สภาพหลอดเลือดเสื่อมโทรมไปพร้อมๆ กัน การกินอาหารเหล่านี้ไม่ได้ทำให้ป่วยทันที แต่เป็นการสะสมความเสี่ยงทีละน้อย เหมือนท่อน้ำที่ค่อยๆ เป็นสนิมจากภายใน กว่าจะรู้ตัวก็เกิดการอุดตันเสียแล้ว
สรุปแนวทางการป้องกัน
เพื่อสุขภาพที่ดี ควรปรับเปลี่ยนนิสัยการกินโดยเน้น “ปรุงสุกใหม่ กินให้หมดในมื้อเดียว” หลีกเลี่ยงการกินอาหารเหลือค้างคืนเป็นประจำ โดยเฉพาะเนื้อสัตว์แปรรูปและผักใบเขียว อย่าให้ความเสียดายของเพียงเล็กน้อย มาแลกกับค่ารักษาพยาบาลมหาศาลและความเสี่ยงต่อชีวิตในอนาคต
