Tuesday, 2 December 2025

เปิดผลวิเคราะห์สาเหตุการเสียชีวิตของ นัท ณัฐวุฒิ

02 Dec 2025
663

การเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิดของ นัท – ณัฐวุฒิ ปงลังกา นักข่าวและผู้ประกาศข่าวช่อง 8 วัยเพียง 35 ปี สร้างความสะเทือนใจอย่างยิ่ง ทั้งต่อครอบครัว ผู้ร่วมงาน และผู้ติดตามข่าวจำนวนมาก โดยเฉพาะเมื่อพบว่าเขาเพิ่งทำหน้าที่อ่านข่าวในรายการ PhuttaTalk ร่วมกับ ไอซ์ สารวัตร และ พุทธ อภิวรรณ ก่อนจะกลับไปพักผ่อนที่บ้านใน จ.นนทบุรี และเสียชีวิตขณะหลับ

เหตุการณ์นี้ทำให้สังคมตั้งคำถามว่า เหตุใดคนหนุ่มที่ดูแข็งแรงจึงเสียชีวิตขณะหลับได้อย่างกะทันหัน

เพจ CardioClinic WP ของ นพ.วิพัชร พันธวิมล อายุรแพทย์โรคหัวใจ สาขาสรีรวิทยาไฟฟ้าหัวใจ อธิบายว่า การเสียชีวิตเฉียบพลันในคนอายุน้อยที่ดูสุขภาพดี และ หลับแล้วไม่ตื่น มักเกิดจากภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะร้ายแรงเฉียบพลัน โดยเฉพาะ

Ventricular Arrhythmia – หัวใจห้องล่างเต้นผิดจังหวะรุนแรง

ภาวะนี้ทำให้หัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดได้ ส่งผลให้เลือดไม่ไปเลี้ยงสมอง และทำให้เสียชีวิตภายในเวลาไม่กี่วินาทีถึงนาที

แพทย์ย้ำว่า ไม่เกี่ยวข้องกับสิ่งลี้ลับหรือไสยศาสตร์ เป็นเหตุทางการแพทย์ที่เกิดขึ้นได้จริง แม้การตรวจสุขภาพประจำปีจะปกติทั้งหมดก็ตาม

ในช่วงหลับ ระบบประสาทอัตโนมัติเปลี่ยนโหมด การเต้นของหัวใจช้าลง ทำให้ความผิดปกติทางไฟฟ้าหัวใจบางประเภทเกิดขึ้นได้ง่าย โดยมีภาวะที่เรียกว่า

SUNDS – Sudden Unexplained Nocturnal Death Syndrome

หรือ การเสียชีวิตกะทันหันตอนหลับโดยไม่พบโรคหัวใจชัดเจน

มักเกิดในคนหนุ่มที่ดูแข็งแรง แต่มีโรคหัวใจแฝงระดับเซลล์หรือระดับสัญญาณไฟฟ้า

ทำไมคนแข็งแรงจึงมีความเสี่ยง?

แพทย์ให้เหตุผลสำคัญหลายประการ ได้แก่

-โรคหัวใจจากความผิดปกติของสัญญาณไฟฟ้าหัวใจที่ตรวจทั่วไปไม่พบ

เช่น Brugada Syndrome, Long QT Syndrome ซึ่งมักแสดงอาการขณะหลับ

-ภาวะพักผ่อนน้อย ความเครียดสะสม และทำงานหนัก

กระตุ้นให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ

-ความผิดปกติของเกลือแร่ในร่างกาย เช่น โพแทสเซียม–แมกนีเซียมต่ำ

ซึ่งตรวจเจอได้ยากหากไม่เจาะเลือดเฉพาะทาง

-โรคหัวใจแฝงไม่แสดงอาการ

เช่น โรคกล้ามเนื้อหัวใจจากกรรมพันธุ์

แม้ภาวะนี้หลายครั้งไม่มีอาการ แต่ควรระวังอาการดังต่อไปนี้

-ใจสั่น หรือรู้สึกเหมือนหัวใจสะดุด

-หน้ามืด วูบง่าย

-เจ็บแน่นหน้าอก

-เหนื่อยกว่าปกติโดยไม่ทราบสาเหตุ

-หายใจลำบาก

-เป็นลมโดยไม่รู้สาเหตุ

หากพบอาการเหล่านี้แม้เพียงครั้งเดียว ควรรีบพบแพทย์เฉพาะทาง Electrophysiologist (หมอไฟฟ้าหัวใจ)

หากมีผู้พบเห็นภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะรุนแรงทันที

-ทำ CPR ภายใน 2-3 นาที เพิ่มโอกาสรอดได้มากกว่า 50%

-ใช้เครื่อง AED ช่วยช็อกหัวใจให้กลับมาทำงาน

ในกรณีของนัท ไม่มีผู้พบเห็นขณะเกิดเหตุ จึงไม่สามารถช่วยได้ตามขั้นตอนฉุกเฉิน

แม้ยังไม่มีวิธีป้องกันได้ 100% แต่สามารถลดโอกาสเกิดเหตุได้ด้วยการ:

-ตรวจสุขภาพหัวใจแบบเฉพาะทาง

เช่น EKG, Echocardiogram, Holter Monitoring 24–48 ชม.

-พักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงความเครียดเรื้อรัง

-ลดเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนสูง เครื่องดื่มชูกำลัง และแอลกอฮอล์

-ดูแลสมดุลเกลือแร่ในร่างกาย ดื่มน้ำให้เพียงพอ

-หากครอบครัวมีประวัติเสียชีวิตกะทันหัน

ควรเข้ารับการตรวจหัวใจเชิงลึก เพราะหลายโรคถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์

เหตุการณ์นี้สะท้อนว่า ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะรุนแรงสามารถเกิดได้ในคนทุกวัย แม้ดูแข็งแรงและตรวจสุขภาพปกติ

สิ่งที่สังคมควรตระหนักคือ

-ใส่ใจสัญญาณผิดปกติของหัวใจ

-ส่งเสริมการตรวจหัวใจเฉพาะทางเมื่อจำเป็น

-เพิ่มการติดตั้งเครื่อง AED ในสถานที่สาธารณะ

-เรียนรู้การทำ CPR ที่ถูกต้อง