การเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิดของ นัท – ณัฐวุฒิ ปงลังกา นักข่าวและผู้ประกาศข่าวช่อง 8 วัยเพียง 35 ปี สร้างความสะเทือนใจอย่างยิ่ง ทั้งต่อครอบครัว ผู้ร่วมงาน และผู้ติดตามข่าวจำนวนมาก โดยเฉพาะเมื่อพบว่าเขาเพิ่งทำหน้าที่อ่านข่าวในรายการ PhuttaTalk ร่วมกับ ไอซ์ สารวัตร และ พุทธ อภิวรรณ ก่อนจะกลับไปพักผ่อนที่บ้านใน จ.นนทบุรี และเสียชีวิตขณะหลับ
เหตุการณ์นี้ทำให้สังคมตั้งคำถามว่า เหตุใดคนหนุ่มที่ดูแข็งแรงจึงเสียชีวิตขณะหลับได้อย่างกะทันหัน
เพจ CardioClinic WP ของ นพ.วิพัชร พันธวิมล อายุรแพทย์โรคหัวใจ สาขาสรีรวิทยาไฟฟ้าหัวใจ อธิบายว่า การเสียชีวิตเฉียบพลันในคนอายุน้อยที่ดูสุขภาพดี และ หลับแล้วไม่ตื่น มักเกิดจากภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะร้ายแรงเฉียบพลัน โดยเฉพาะ


Ventricular Arrhythmia – หัวใจห้องล่างเต้นผิดจังหวะรุนแรง
ภาวะนี้ทำให้หัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดได้ ส่งผลให้เลือดไม่ไปเลี้ยงสมอง และทำให้เสียชีวิตภายในเวลาไม่กี่วินาทีถึงนาที
แพทย์ย้ำว่า ไม่เกี่ยวข้องกับสิ่งลี้ลับหรือไสยศาสตร์ เป็นเหตุทางการแพทย์ที่เกิดขึ้นได้จริง แม้การตรวจสุขภาพประจำปีจะปกติทั้งหมดก็ตาม
ในช่วงหลับ ระบบประสาทอัตโนมัติเปลี่ยนโหมด การเต้นของหัวใจช้าลง ทำให้ความผิดปกติทางไฟฟ้าหัวใจบางประเภทเกิดขึ้นได้ง่าย โดยมีภาวะที่เรียกว่า
SUNDS – Sudden Unexplained Nocturnal Death Syndrome
หรือ การเสียชีวิตกะทันหันตอนหลับโดยไม่พบโรคหัวใจชัดเจน
มักเกิดในคนหนุ่มที่ดูแข็งแรง แต่มีโรคหัวใจแฝงระดับเซลล์หรือระดับสัญญาณไฟฟ้า


ทำไมคนแข็งแรงจึงมีความเสี่ยง?
แพทย์ให้เหตุผลสำคัญหลายประการ ได้แก่
-โรคหัวใจจากความผิดปกติของสัญญาณไฟฟ้าหัวใจที่ตรวจทั่วไปไม่พบ
เช่น Brugada Syndrome, Long QT Syndrome ซึ่งมักแสดงอาการขณะหลับ
-ภาวะพักผ่อนน้อย ความเครียดสะสม และทำงานหนัก
กระตุ้นให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ
-ความผิดปกติของเกลือแร่ในร่างกาย เช่น โพแทสเซียม–แมกนีเซียมต่ำ
ซึ่งตรวจเจอได้ยากหากไม่เจาะเลือดเฉพาะทาง
-โรคหัวใจแฝงไม่แสดงอาการ
เช่น โรคกล้ามเนื้อหัวใจจากกรรมพันธุ์
แม้ภาวะนี้หลายครั้งไม่มีอาการ แต่ควรระวังอาการดังต่อไปนี้
-ใจสั่น หรือรู้สึกเหมือนหัวใจสะดุด
-หน้ามืด วูบง่าย
-เจ็บแน่นหน้าอก
-เหนื่อยกว่าปกติโดยไม่ทราบสาเหตุ
-หายใจลำบาก
-เป็นลมโดยไม่รู้สาเหตุ
หากพบอาการเหล่านี้แม้เพียงครั้งเดียว ควรรีบพบแพทย์เฉพาะทาง Electrophysiologist (หมอไฟฟ้าหัวใจ)

หากมีผู้พบเห็นภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะรุนแรงทันที
-ทำ CPR ภายใน 2-3 นาที เพิ่มโอกาสรอดได้มากกว่า 50%
-ใช้เครื่อง AED ช่วยช็อกหัวใจให้กลับมาทำงาน
ในกรณีของนัท ไม่มีผู้พบเห็นขณะเกิดเหตุ จึงไม่สามารถช่วยได้ตามขั้นตอนฉุกเฉิน
แม้ยังไม่มีวิธีป้องกันได้ 100% แต่สามารถลดโอกาสเกิดเหตุได้ด้วยการ:
-ตรวจสุขภาพหัวใจแบบเฉพาะทาง
เช่น EKG, Echocardiogram, Holter Monitoring 24–48 ชม.
-พักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงความเครียดเรื้อรัง
-ลดเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนสูง เครื่องดื่มชูกำลัง และแอลกอฮอล์
-ดูแลสมดุลเกลือแร่ในร่างกาย ดื่มน้ำให้เพียงพอ
-หากครอบครัวมีประวัติเสียชีวิตกะทันหัน
ควรเข้ารับการตรวจหัวใจเชิงลึก เพราะหลายโรคถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์
เหตุการณ์นี้สะท้อนว่า ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะรุนแรงสามารถเกิดได้ในคนทุกวัย แม้ดูแข็งแรงและตรวจสุขภาพปกติ
สิ่งที่สังคมควรตระหนักคือ
-ใส่ใจสัญญาณผิดปกติของหัวใจ
-ส่งเสริมการตรวจหัวใจเฉพาะทางเมื่อจำเป็น
-เพิ่มการติดตั้งเครื่อง AED ในสถานที่สาธารณะ
-เรียนรู้การทำ CPR ที่ถูกต้อง
