กับประเด็น ข้อบังคับของมูลนิธิกันจอมพลังช่วยสู้ข้อ 39 กำหนดว่า ถ้ามูลนิธิต้องเลิกล้มไป ทรัพย์สินทั้งหมดของมูลนิธิที่เหลืออยู่ให้ตกเป็นกรรมสิทธิ์แก่
“มูลนิธิธรรมนัส พรหมเผ่า” ที่กำลังถูกพูดถึง ในโลกออนไลน์นั้น ล่าสุด ทนายเกิดผล ได้ออกมาโพสต์ข้อความ ระบุ
ในการขอจัดตั้งมูลนิธิ ตามกฎหมาย และระเบียบของนายทะเบียน ให้“ #ผู้ก่อการมูลนิธิ ต้องระบุในคำร้องว่า เมื่อมูลนิธิล้ม หรือเลิก มูลนิธิ แล้ว จะต้องโอนทรัพย์สินที่เหลืออยู่ #ให้กับมูลนิธิอื่น ที่มีวัตถุประสงค์ ใกล้เคียงกับ มูลนิธิ ที่ขอตั้ง
มันเป็นไปตามกระบวนการและขั้นตอนของกฎหมายนะครับ
มีคนสงสัยว่าทำไมไม่ตกเป็นของแผ่นดิน เนื่องจากว่า กฎหมายบังคับว่า ต้อง ตกเป็นของค มูลนิธิอื่น ที่มีวัตถุประสงค์ ใกล้เคียงกันเท่านั้นครับ
พร้อมยังให้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องการฉ้อโกง เอาไว้ดังนี้
ความผิดฐานฉ้อโกง ต้องมีเจตนา ทุจริตก่อน ถ้าขาดเจตนาทุจริตมาแต่ต้น แม้ไม่ได้บอกความจริง ทั้งหมด ก็ใช่ว่าต้องเป็นความผิดฐานฉ้อโกงเสมอไป
การหลอกลวง หรือปิดบังข้อความจริง ตามกฎหมาย ที่จะเป็นความผิด ฐานฉ้อโกง คือ ผู้กระทำต้องมีเจตนาทุจริต เพื่อให้ได้ทรัพย์สินของผู้อื่น ไปเป็นของตนเอง หรือบุคคลที่สาม
ทุจริต หมายถึง การแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบด้วยกฎหมาย
คำถาม คือ มูลนิธิกันจอมพลัง ช่วยสู้ หรือ คุณกัน จอมพลัง จะผิดฐานฉ้อโกงหรือไม่ ก็อยู่ที่มีเจตนาทุจริต หรือเปล่า
ถ้ามีเจตนาทุจริต คือ ตั้งใจมาโกง หรือ ตั้งใจเปิดมูลลนิธิมาหลกกลวง คนเพื่อให้ได้ทรัพย์มาเป็นของตนเอง หรือผู้อื่น ตั้งแต่แรกก็ผิดฐานฉ้อโกง
แต่ถ้าไม่ได้เจตนามาโกงตั้งแต่แรก หรือ ไม่มีเจตนาทุจริต แม้การปิดชื่อกรรมการ หรือผู้จัดตั้ง ไว้ เพียงแค่นี้ก็ยังไม่เป็นความผิดตามกฎหมาย
กฎหมาย ให้ดูเจตนา อันเป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุด
